เมื่อพูดถึงการลงทุนตลาดหุ้นจีน สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนสงสัยคือ ทิศทางเศรษฐกิจของจีนจะเป็นอย่างไร เพราะถ้าไปดูตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน (GDP) จะเห็นว่า ตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ที่ประกาศออกมา เศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียง 7% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจดังกล่าวก็ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ทางการจีนคาดหวังไว้ให้โต 7% ต่อปี

นอกจากนี้ หากเศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณชะลอตัว ทางการจีนก็พร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือการปรับลดอัตราส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เพื่อกระตุ้นการปล่อยกู้ของธนาคาร ดังนั้น แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตในอัตราที่น้อยลง แต่ก็เป็นการโตช้าๆ แบบมั่นคงค่ะ

สำหรับคนที่สนใจจะลงทุนในกองทุนหุ้นจีน ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนในช่วงนี้นะคะ เพราะราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นมามาก ทำให้มีความเสี่ยงที่จะถูกขายทำกำไรออกมาได้ทั้งกองทุนที่ลงทุนในหุ้น A-shares และ H-shares อย่างไรก็ตาม ถ้าไปดูราคาซื้อขายในปัจจุบัน หุ้น H-shares ซื้อขายกันที่ค่าราคาต่อกำไร (P/E) ประมาณ 9 เท่า ซึ่งยังคงเป็นระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต ขณะที่หุ้น A-shares ซื้อขายกันที่ค่า P/E ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยแล้ว หุ้น H-shares จึงมีความน่าสนใจมากกว่าหุ้น A-shares ดังนั้นสำหรับคนที่มีการลงทุนในหุ้น H-shares อยู่แล้ว สามารถถือลงทุนต่อไปได้ แต่ถ้ามีหุ้น A-shares แนะนำให้ขายออกมาก่อน เพราะราคาหุ้นปรับขึ้นมาสูงมากแล้วล่ะค่ะ

แม้ว่าการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นจีนในช่วงนี้ดูแล้วมีความเสี่ยงสูง เพราะราคาหุ้นปรับขึ้นมามากแล้ว แต่การลงทุนในตลาดหุ้นจีนก็ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว แนะนำให้ติดตามสถานการณ์ด้านการลงทุนอย่างใกล้ชิด เพราะหากราคาของหุ้นจีนปรับตัวลงมาแรงๆ ก็ถือเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุนได้ค่ะ ติดตามบทความที่เกี่ยวข้องกับ “กองทุนหุ้นจีนยังน่าลงทุนหรือไม่” ได้ที่ www.askKBank.com/K-Expert หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับที่ปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com และติดตามข่าวสารการเงินได้ที่ Twitter@KBank_Expert